เรามาทำความรู้จักภาษาที่ใช
AOT แสดงถึง โครงสร้างของ Application ทั้งหมด
Data Dictionary ใช้แสดงและออกแบบ Database จะประกอบไปด้วย
Table ตารางเก็บข้อมูล
MAP ใช้สำหรับ MAP ตารางเก็บข้อมูล ที่มีโครงสร้างที่คล้ายกันเ
View ใช้ทำ Query เพื่อจำลอง Table เสมือนเพื่อที่จะใช้ในการแส
Extended Data Type ประเภทข้อมูลมีความสำคัญในก
Base Enums คือการกำหนด ข้อความเป็นตัวเลขในการเก็บ
Feature Key ใช้ในการกำหนดสิทธ์ (เฉพาะ Axapta 2.5)
License Code ใช้ในการ License ให้กับ Code ที่ได้ทำการ เขียน
Configuration Keys ใช้ในการกำหนดสิทธ์ การใช้งานหลัก (เฉพาะ Axapta 3.0 ขึ้นไป ช่วงติดตั้ง)
Security Keys ใช้ในการกำหนดสิทธ์ สิทธ์ การใช้งานสำหรับผู้ใช้
Macro เพิ่มขีดความสามารถในการเขี
Class เพื่อประสิทธ์ภาพ OOP เต็มรูปแบบ โดย Class สามารถ ลดการเขียน coding ได้
Form หน้าจอรับคำสั่งหรือ ติดต่อกับผู้ใช้
Report รายงาน
Queries Form ในการเลือกข้อมูล สามารถใช้งานใน กรณีที่มีเงื่อนไขเลือกข้อม
Jobs สำหรับเขียนทดสอบ Coding หรือ คำสั่งง่าย ๆ
Menus กำหนดโครงสร้าง Manu ของระบบ
Menu Item ใช้สำหรับเชื่อม ติดต่อกับ Manu ของระบบ
Web สำหรับการติดต่อบน Web
Resources เก็บข้อมูลต่าง ๆ คล้ายกับ ภาษา C++ เช่น รูป, Icon
System Documentation อกสารเกี่ยวกับ Function, คำสงวน Class Table ของระบบ
Application Developer Documentation เอกสารเกี่ยวกับ Class Table ที่ทำมีการพัฒนา
Application Documentation เอกสารเกี่ยวกับ Application ทั้งหมดสภาพแวดล้อม Axapta
เรามาดูสภาพแวดล้อมของ Axapta development จากรูปโครงสร้างดังกล่าว แต่ละส่วนมีหน้าที่ที่แต่งต
USER (IntelliMorph)
-IntelliMorph (functionality) คือ เทคโนโลยีที่จะจัดการและควบ
นอกจากนั้นยังสามารถที่จะสร
Developer (MorphX)
-MorphX Development คือ เครื่ององมือที่จะใช้ในการพ
-Business Logic คือ อัลกอลิทึม ที่มีความซับซ้อนที่ถูกเรีย
Data Dictionary คือส่วนแสดง เกี่ยวกับรายระเอียดของข้อม
Database คือ โปรแกรมจัดการฐานข้อมูลปัจจ
แนะนำเครื่องมือในการพัฒนาเ
The MorphXplorer ใช้แสดงความสัมพันธ์ ของ Table, Class ในรูปแบบ diagram (ToolsàDevelopment tools -> Visual MorphXplorer)
The debugger ใช้ในการตรวจสอบโปรแกรม Run step by step, ดูค่าข้อมูลขณะรัน (ToolsàDevelopment tools -> debugger)
The trace ตรวจสอบติดตาม การทำงาน ของ Method และ ข้อมูล (มีประโยชน์มาก) (ToolsàOption-> Tab DevelopmentàTrace)
The cross-reference สำหรับดูภาพรวมของระบบว่า field เขียนอ่านที่ไหน เมื่อไร Method ทำงานที่ไหน ตัวแปร ถูกใช้ไหน (ToolsàDevelopment tools ->cross-reference)
The table browser แสดงข้อมูลในตาราง (คลิกขวาàAdd-Ins-> table browser)
The Find functionality ค้นหา Object, Text ที่ต้องการทราบอยู่ที่ไหนขอ
The Compare tool สำหรับ ตรวจสอบความต่างของ แต่ระ Layer (ให้ดูหัวข้อ Layer) ตาราง (คลิกขวาàAdd-Ins-> Compare)
The table definition tool แสดงรายเอียดทั้งหมดของ ตาราง (Table) (ToolsàDevelopment tools -> table definition)
Tutorials ตัวอย่างโปรแกรมใช้ในกรณีศึ
Layer
Axapta เป็น ซอฟแวร์ แบบ Application object layers นั้นคือ แต่ละ Layer จะ อิสระต่อกันเป็น ลำดับชั้น ของ source code คุณสามารถที่จะทำการแก้ไข เพื่อ ส่วนต่าง ๆ ที่อยู่ใน Layer ที่คุณเป็นเจ้าของ เมื่อคุณจะยกเลิกมันคุณสามา
SYS คือ เป็น แกนกลางของ Application เป็นชั้นแรกสุดของ Code ที่ไม่สามารถที่จะลบออกได้ เราเรียกว่า SYS layer (System) ID range: 1-8000
GLS คือ เป็นชั้นที่ได้ผ่านการรับรอ
DIS คือ เป็นชั้นที่ application ได้มีการปรับปรุงให้เหมาะสม
LOS คือ เป็นชั้นที่ Microsoft ให้โอกาสกับ partner ในการรับรองและแจกจ่ายในพื้
BUS คือ เป็นชั้นที่ Partner ของ Microsoft ใช้ในการพัฒนา แก้ไขและจะทำการบันทึกไว้ที
VAR คือ เป็นชั้นที่ ใช้แบ่งสรรเพื่อที่จะทำการ พัฒนา สร้างแก้ไขให้กับลูกค้าต่าง
CUS คือ เป็นชั้นที่ ให้กับลูกค้า ใช้ในการพัฒนาผู้ซึ่งจะอยู่
USR คือ เป็นชั้นที่ ให้กับผู้ใช้งาน( end user) ปกติจะเป็น พวก Report จะทำการบันทึกที่ USR layer ก่อนจะมาเป็น CUS layer ID range: 50001-60000 Patch layers
คือ Layer ที่ออกมาแก้ไข bug.ให้กับ Layer ดังที่กล่าวมาแล้ว ประกอบไปด้วย SYP, GLP, DIP, LIP, BUP, VAP, CUP, และ USP
แล้วเจอกันใหม่ฉบับหน้าครับ
Thai-Axapta.com สงวนสิทธิ์ในการทำซ้ำ ทั้งหมด หรือบางส่วนไม่ว่าในรูปแบบห